สิงหาคม 2010 - ธันวาคม 2010
1. แอนดี้ คาร์โรล “เจ้า...คือทายาท...คนต่อไป” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 6 แอสตัน วิลล่า 0 (พรีเมียร์ลีก)ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2553 เหตุเกิดที่ เซนต์ เจมส์พาร์ค, นิวคาสเซิ่ล
นัดที่สองของฤดูกาล ท่ามกลางแฟนบอลร่วมสี่หมื่นกว่าคนในเซนต์เจมส์พาร์คที่มาเป็นสักขีพยาน ด้านคู่ต่อสู้แม้จะยังไร้กุนซือ ภายหลังมาร์ตินโอนีลอำลาทีมโดยกะทันหัน ก่อนเปิดฤดูกาลเพียงไม่กี่วัน แต่นัดแรกก็ประเดิมได้สวยทีเดียวนัดนี้เริ่มเกมได้แค่เก้านาที แอชลี่ย์ ยัง ปีกตัวรุกทีมเยือนถูกสตีฟ ฮาร์เปอร์รวบในเขตโทษยอน คาริว สังหารลูกนี้ยิงข้ามคานไปเยอะ ทีนี้ล่ะเจ้าบ้านลุย!!! โจอี้ บาร์ตันยิงลูกปฐมฤกษ์เบิกทางขึ้นนำ ตามด้วยลูกโขกของเควินโนแลน ยังไม่ทันหายเหม็น แอนดี้ คาร์โรล ซัดด้วยซ้ายนำได้อีก เข้าสู่ครึ่งหลังนิวคาสเซิ่ลยังเครื่องร้อนต่อเนื่องชนิดที่นักเตะสิงห์ผยองวิ่งเรียกเหงื่อกันอย่างเดียว คาร์โรลยิงลูกที่สองขึ้นนำเป็น4-0 ตามด้วยโนแลนที่รับช่วงต่อจากลูกยิงของโชล่า อเมโอบี้โขกสะบัดให้เจ้าบ้านอีกหนึ่งเท่านั้น ยังไม่พอ ซิสโก้ศูนย์หน้าตัวสำรองผู้อาภัพ เปิดลูกจากฝั่งซ้ายคาร์โรลที่รอท่าจะยิงอยู่แล้ว บรรจงซัดด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษผ่านแบรด ฟรีเดลไปเข้าอย่างสวยงามทำให้จบเกมนี้จึงกลายเป็นการแจ้งเกิดอย่างสมบูรณ์ในพรีเมียร์ลีกของ “แอนดรูว์ โทมัส คาร์โรล” ศูนย์หน้าความหวังใหม่ของชาวจอร์ดี้ชาวทูนอาร์มี่ทั่วโลก รวมไปถึงแฟนบอลทีมชาติอังกฤษกับการเป็นผู้สืบทอดตำนานดาวยิงขวัญใจตลอดกาลอย่าง “ฮอตชอต” อลัน เชียเรอร์ นอกจากนี้แมตช์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในสามเกมของสัปดาห์ที่จบด้วยสกอร์ 6-0 เป๊ะ!
2. “เมื่อเป้าหมายไม่ได้มีไว้แค่พุ่งชน” เชลซี 3 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4 (คาร์ลิ่ง ลีกคัพ) ณ วันที่ 22 กันยายน 2553 เหตุเกิดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์, ลอนดอน
เชลซีในฐานะแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ซึ่ง 6นัดในลีกยังไม่แพ้ใคร แถมเสียเพียง 2 ลูกในทุกรายการลูบปากอย่างสบายอุราเมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นใคร เกมนี้คริส ฮิวจ์ตันตั้งใจส่งผู้เล่นสำรองผสมดาวรุ่งที่แม้จะยังมีตัวหลักอย่างสองผู้เล่นอาร์เจนไตน์ทั้งฟาบริซิโอโคลอชชินี่และโจนาส กูเตียเรส แต่เชื่อเลยว่า คงไม่มีทางต่อกรเจ้าบ้านที่ยังมีกัปตันจอห์นเทอร์รี่คุมแนวรับอยู่ดี ก็แน่ล่ะ พาทริค ฟาน อานโฮลท์ ยิงขึ้นนำเมื่อเริ่มเกมเพียงห้านาทีทว่าเจ้าหนูเชน เฟอร์กูสัน เปิดบอลยาวไปถึง ไนล์ เรนเจอร์ สไลด์ด้วยขวาตีเสมอจนได้ไม่กี่อึดใจ ไรอัน เทยเลอร์ ซัดฟรีคิกสุดสวยให้ทีมเยือนขึ้นนำบ้าง ทำให้เจ้าบ้านสถานการณ์ลำบากมากครึ่งหลังคาร์โล อันเชลอตติต้องเสี่ยงดวงเปลี่ยนเทอร์รี่ที่ไม่สมบูรณ์ออกพร้อมกากูต้าและส่งอเล็กซ์กับซาโลมอง กาลู หวังพลิกสถานการณ์ แต่ทีมเยือนที่เพิ่งคึกจากการชนะเอฟเวอร์ตันมาหยกๆก็ยังนำได้อีก จากความผิดพลาดของเปาโล เฟอร์ไรร่า ทำให้อเมโอบี้ที่ลองปั่นแบบส่งเดชแต่ทำให้รอส เทิร์นบูลล์หมดปัญญาที่จะเซฟ ซ้ำร้าย กาลูตัวสำรองที่วิ่งมาดีๆดันเจ็บอีกจอห์น แมคอีชรานดาวรุ่งจึงลงมาแทน แถมอีกสิบนาทีต่อมา ยอสซี่ เบนายูนก็ต้องเจ็บกลางสนาม(แถมไม่ไหวต้องพักไปอีกนานหลายเดือน) ตอนนี้เจ้าถิ่นดันเปลี่ยนตัวครบโควตาแล้วแต่ใครว่าลูกทีมของอันเช่จะยอมแพ้ล่ะ เชอะ! นิโคลล่า อเนลก้ายิงให้เชลซีไล่ตามมาทีนี้ทำเอาทีมเยือนเริ่มปั่นป่วน กองเชียร์ต่างหายใจกันไม่ทั่วท้อง ยิ่งกว่านั้น กลับมาเสียลูกโทษในช่วงท้ายเกมทำให้เชลซีตีเสมอจนได้จากอเนลก้าคนเดิม และคงพยายามปิดเกมใน 90 นาทีเลย เพราะมีเกมใหญ่กับแมนซิตี้รออยู่ โอเค! บี้จัดให้กูเตียเรสเปิดจากมุมฝั่งซ้าย บี้ใช้ร่างถึกของเขาเทกตัวโขกบอลเสียบเข้าตาข่าย ส่งเจ้าบ้านเชลซีทีมชั้นนำตกรอบสามแบบพลิกคาดแต่เราเองก็ไม่ได้ไปต่อตามคาด เมื่อรอบต่อมาได้เล่นในบ้าน กลับกลายเป็นคู่ต่อสู้ให้อาร์เซนอลชนิดที่สู้ไม่ได้จริงๆ
ติดตามชมตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น